ศุลกากรยึดเฮโรอีน สัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ ลักลอบส่งออก - นำเข้าประเทศมูลค่ากว่า 49.40 ล้านบาท



ศุลกากรยึดเฮโรอีน สัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ ลักลอบส่งออก - นำเข้าประเทศ
มูลค่ากว่า 49.40 ล้านบาท
วันนี้ (25 กรกฎาคม 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหาร
การจัดเก็บภาษีในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายในการ
ปราบปรามยาเสพติด ทั้งการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย ให้หมดไปจากประเทศ เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันและปราบปราม พร้อมบูรณาการด้านการข่าวร่วมกันอย่างต่อเนื่อง นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า ส่งออก และนำผ่านยาเสพติดในทุกช่องทาง
โดยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม และหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force: AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกันตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้โดยสารของสายการบินที่จะเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติ
เนตาจี สุภาษจันทระ โพส นครโกลกาตา สาธารณรัฐอินเดีย พบผู้โดยสารชาย สัญชาติอินเดีย มีความเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร จึงแบ่งชุดตรวจค้นจับกุมเป็น 2 ชุด เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ และจุดตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบกระเป๋าเดินทางที่ต้องสงสัย
จึงนำไปเอกซเรย์ ปรากฏภาพบริเวณพื้นใต้ผนังกระเป๋าเดินทางมีลักษณะหนาแน่นผิดปกติ จึงประสานเจ้าของกระเป๋าเพื่อเปิดตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบแผ่นซุกซ่อนอยู่ที่พื้นใต้กระเป๋าเดินทาง เมื่อตัดแผ่นปิดพื้นกระเป๋าพบถุงพลาสติกใสห่อหุ้มด้วยกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงิน 2 ชั้น ภายในบรรจุผงสีขาว ตรวจสอบพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 3,850 กรัม มูลค่า 11,550,000 บาท 
ต่อมา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 จากข้อมูลการข่าว พบผู้โดยสารหญิงสัญชาติอินเดีย ต้องสงสัยเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี นครเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน และเชิญตัวผู้ต้องสงสัยไปตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบว่า กระเป๋าเดินทางมีลักษณะหนาผิดปกติ เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบสิ่งผิดปกติลักษณะเป็นแผ่นซุกซ่อนภายในข้างผนังกระเป๋า เมื่อเปิดแผ่นออกพบห่อพันด้วยเทปสีขาว ภายในมีกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงิน ภายในบรรจุผงสีขาว ตรวจสอบพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 4,250 กรัม มูลค่า 12,750,000 บาท
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานพยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกไปนอกราชอาณาจักร และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตามมาตรา 242 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
สำหรับในปีงบประมาณ 2567 (1 ตุลาคม 2566 – 24 กรกฎาคม 2567) กรมศุลกากรมีสถิติการจับกุมยาเสพติด ทั้งสิ้น 115 ราย มูลค่ารวมกว่า 939.49 ล้านบาท
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่อว่า ในด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้า - ส่งออก ของผิดกฎหมาย ของต้องห้าม ต้องกำกัด ประเภทอื่น ๆ กรมศุลกากรก็ได้ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสัตว์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) โดยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้บูรณาการร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จับกุมผู้โดยสารชายสัญชาติญี่ปุ่น เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ปลายทางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พยายามลักลอบนำสัตว์มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร เมื่อทำการตรวจสอบพบว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ได้แก่ แมงป่องช้าง แมงป่องแส้ บึ้ง แมงมุม แมงมุมแส้ ด้วง มด ตะขาบ และกบ มูลค่าประมาณ 100,000 บาท โดยสัตว์ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องลังขนาดใหญ่สีน้ำตาล จำนวน 5 ใบ
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพยายามส่งออกสัตว์ป่าควบคุมออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 23 วรรคแรก และ มาตรา 112 ซึ่งอยู่ในบทเฉพาะกาลตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ประกอบตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
นอกจากนี้ กรมศุลกากร  โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้ตรวจยึดกระเพาะปลาแช่เย็นจนแข็ง ของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซุกซ่อนอยู่ จำนวน 9 กล่อง น้ำหนักรวม 246.52 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความสงสัยว่ากระเพาะปลาดังกล่าว อาจมาจากปลาที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES  จึงได้ส่งตัวอย่างให้กรมประมงตรวจพิสูจน์และได้รับผลการตรวจ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ระบุว่าเป็นกระเพาะลมของปลาจวดชนิด แมคโดนัล (Tatoaba macdonali) เป็นปลาอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 1 สัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES  โดยกรมประมงขอให้กรมศุลกากรส่งมอบของกลาง เพื่อนำไปจัดการควบคุมเป็นการเฉพาะ และรายงานผลการดำเนินคดีและการจัดการของกลางให้สำนักงานเลขาธิการไซเตสทราบต่อไป 
 
กระเพาะปลาของกลางดังกล่าวเป็นของที่ต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562  มาตรา 92 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และ มาตรา 31 
แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 สำหรับในปีงบประมาณ 2567 (1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567) กรมศุลกากรมีสถิติการจับกุมสัตว์ป่าและพืชป่าที่มีการควบคุมตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ทั้งสิ้น 27 ราย มูลค่ารวมกว่า 62.60 ล้านบาท 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ ผู้ประกอบการ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ช่วงพิธีฮัจญ์ หวังต่อยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ติดตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

The photo news..รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ! Kloss Wellness Clinic ผู้นำคลินิกดูแลสุขภาพครบวงจร ขึ้นรับรางวัล สถานประกอบการฟื้นฟูและชะลอวัยดีเด่นแห่งปี ในงาน THE WORLD'S HIGHEST AWARDS 2024

โรงเรียนสวนกุหลาบสมุทรปราการ จับมือ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน ประเทศจีน จัดพิธีลงนามทำ MOU เปิดศูนย์ประสานงานและการเรียนรู้ภาษาจีน