”ประชาธิปัตย์“ประกาศปลดประเทศไทยจากแชมป์โลกแก้ปัญหาเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกลด50%ท้าทายเป้ายูเอ็น

”ประชาธิปัตย์“ประกาศปลดประเทศไทยจากแชมป์โลกแก้ปัญหาเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกลด50%ท้าทายเป้ายูเอ็น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.เปิดเผยถึงแนวทางนโยบายแก้ปัญหาคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกวันนี้ว่า ประเทศไทยครองอันดับ1 ประเทศที่มีคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนทุก 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นหนึ่งในวิกฤตของชาติแม้วันเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนจะพยายามแก้ไขปัญหานี้แต่ยังไม่บรรลุผลจนภัยจากจักรยานยนต์มีสัดส่วนกว่า70% ของอุบัติภัยทางถนนยังไม่รวมความเสียหายจากการบาดเจ็บทุพลภาพและทรัพย์สินของแต่ละครอบครัวและประเทศชาติรวมทั้งอุบัติเหตุทางถนนยังส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉลี่ย 3% ของ GDP 
  
  ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์จึงมอบหมายให้จัดทำแนวทางนโยบาย "ปลอดจากภัยจักรยานยนต์" ครอบคลุมหลายมิติทั้งด้านกฎหมาย ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างจิตสำนึกเพื่อร่วมในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ภายใต้ข้อมติของ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งประกาศให้ช่วงปี พ.ศ. 2564–2573 เป็นทศวรรษที่สองของการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนนโดยมีเป้าหมายที่จะลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนนลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ดังนี้

 1. นโยบายมาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
1.1จำกัดความเร็วและปรับสเปครถปัจจุบันรถจักรยานยนต์ในไทยมีความเร็วสูงสุด 140-160 กม./ชม. ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากล (120-140 กม./ชม.)
ทำให้ควบคุมยาก เสนอให้ลดความเร็วสูงสุดและปรับหน้าปัดความเร็วให้สอดคล้องกับประเทศอื่น 
1.2 เปลี่ยนหน้ายางรถจักรยานยนต์ซึ่งมีขนาดหน้ายางแคบ (60-70 มม.)ทำให้เกาะถนนน้อยเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเพิ่มความกว้างหน้ายางตามมาตรฐานสากลคือขนาด 80-90 มม.
1.3บังคับใช้ระบบเบรก ABS
รถจักรยานยนต์ขนาด 110 ซีซี ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมมักไม่มีระบบ ABS แม้ไทยมีโรงงานผลิตระบบนี้แต่ส่งออกทั้งหมด ควรบังคับให้รถทุกขนาดในไทยติดตั้ง ABS เพื่อลดอุบัติเหตุ เพราะ 80% ของการตายจากรถจักรยานยนต์เกิดจากรถขนาด 110 ซีซี 
2. ปฏิรูปกฎหมายและใบอนุญาตขับขี่
2.1 ใช้ระบบใบอนุญาตแบบขั้นบันได (GDL)โดยจำกัดความเร็วและขนาดเครื่องยนต์สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ เช่น อนุญาตให้ขับรถไม่เกิน 50 ซีซี หรือความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และห้ามขับกลางคืนหรือซ้อนท้ายจนกว่าจะมีประสบการณ์เพียงพอ ซึ่ง
มีตัวอย่างความสำเร็จในต่างประเทศ 
เช่น ญี่ปุ่นและอังกฤษ ที่จำกัดความเร็วและใช้ระบบ GDL ช่วยลดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ สามารถนำมาปรับใช้ในไทย 
โดยระบบ GDL (Graduated Driver Licensing)เป็นระบบใบอนุญาตขับขี่แบบเป็นขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ระบบนี้จะค่อยๆ มอบสิทธิในการขับขี่ที่มากขึ้นตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
2.2เพิ่มบทลงโทษ
เช่นบังคับสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด และลงโทษผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งปัจจุบันมีถึง 10 ล้านคน
3. ปรับปรุงโครงสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก
3.1สร้างเลนจักรยานยนต์เฉพาะหรือเลนผสม
แม้มีมติครม. ปี 2555 ให้มีเลนจักรยานยนต์ แต่ยังขาดการดำเนินการจริง ควรเร่งพัฒนามาตรฐานถนนเพื่อแยกการจราจรระหว่างรถเร็วรถช้า และรถจักรยานยนต์กับรถยนต์
3.2ออกแบบถนนปลอดภัย
และปรับปรุงสภาพผิวถนนเพื่อลดการลื่นไถล 
4. รณรงค์สร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมการใช้รถ
4.1 ควบคุมการโฆษณา
ห้ามโฆษณาที่เน้นความเร็วแรง และเพิ่มการสื่อสารเรื่องความปลอดภัย เช่น การสวมหมวกนิรภัยซึ่งลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 40% 
4.2ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย
จัดโครงการสอนขับขี่ในโรงเรียนและชุมชน โดยเน้นกลุ่มอายุ 15-19 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 
5.การบังคับใช้กฎหมาย(Law Enforcement)อย่างเคร่งครัดเพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดแต่มีปัญหามากที่สุดทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
““คนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนต่อ 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นวิกฤตชาติ พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหานี้ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและประเมินผลเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการตายจาก 25 คนต่อประชากร 100,000 คน ให้เหลือ 12 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ไทยหลุดจากอันดับ 1 ของโลกในการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์โดยเร็วที่สุด“ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำในที่สุด.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ ผู้ประกอบการ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ช่วงพิธีฮัจญ์ หวังต่อยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ติดตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

The photo news..รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ! Kloss Wellness Clinic ผู้นำคลินิกดูแลสุขภาพครบวงจร ขึ้นรับรางวัล สถานประกอบการฟื้นฟูและชะลอวัยดีเด่นแห่งปี ในงาน THE WORLD'S HIGHEST AWARDS 2024

โรงเรียนสวนกุหลาบสมุทรปราการ จับมือ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน ประเทศจีน จัดพิธีลงนามทำ MOU เปิดศูนย์ประสานงานและการเรียนรู้ภาษาจีน